วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554
ส่ง Power point บันทึกเสียง
วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ลองส่งเนื้อหาโปรเจ็กให้อาจารย์ตรวจค่ะ
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Lecture
การอ้างอิง-หลักการลงรายการส่วนต่างๆของบรรณานุกรม
-รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมทรัพยากรประเภทต่างๆ
ทำไมต้องอ้างอิง
-เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานของผู้อื่น
-เพื่อบอกที่มาของข้อมูลที่นำมาใช้
-เพื่อป้องกันการกระทำอันอาจเป็นการโจรกรรมทาวิชาการ
-เพื่อแสดงถึงความน่าเชื่อถือ
-เพื่อแสดงมารยาทในการทำงานทางวิชาการ
การลงรายการบรรณานุกรม
1. ผู้แต่งคนไทย ให้ใส่เฉพาะชื่อและนามสกุลเท่านั้นโดยที่ไม่ต้องใส่คำนำหน้าชื่อ
2. ผู้แต่งต่างชาติ Tyler A. Savator เปลี่ยนเป็น Savator Tyler A.
3. ผู้แต่งที่เป็นนิติบุคคล ให้ใส่ชื่อตามที่นิติบุคคลปรากฏในเอกสาร โดยเริ่มจากหน่วยงานย่อยไปจนถึงหน่วยงานใหญ่
4. ผู้แต่ง2-5 คน ให้ใส่ชื่อผู้แต่งคนที่ 1 คั่นด้วยเครื่องหมาย,จนถึงคนที่3 และคนสุดท้ายให้ใส่เครื่องหมาย And ก็ได้
5. การลงบรรณานุกรม ชื่อเรื่อง
5.1 ชื่อหนังสือ ชื่อบทความ ชื่อวิทยานิพนธ์ หรือชื่อเอกสารที่ไม่ได้ตีพิมพ์ ให้ใส่อเต็มตามที่ปรากฏในเอกสาร
6. กรณีที่มีชื่อเรื่องย่อย ให้ใส่เครื่องหมาย :คั่นระหว่างชื่อเรื่อง
7. การลงบรรณานุกรม การพิมพ์ ครั้งที่พิมพ์ให้ใส่ครั้งที่พิมพ์ตั้งแต่ 2ครั้งขึ้นไป หากมีข้อความระบุการแก้ไข Revised หรือการแก้ไขเพิ่มเติม Enlaegedให้ใส่ไว้ด้วย
8. สถานที่พิมพ์ ให้ใส่ชื่อเมืองหรือชื่อจังหวัด สถานที่พิมพ์ตามที่ปรากฏในหนังสือ กรณีที่ไม่ปรากฏ สถานที่พิมพ์ ให้ใส่( ม.ป.ท.) หรือ(n.p.)
9. สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ ให้ใส่ตามที่ปรากฏในหนังสือ
10. ปีพิมพ์ ใหใส่เลขระบุปี พ.ศ. หรือ ค.ศ. ที่พิมพ์หนังสือเล่มเล่มนั้นไว้ในเครื่องหมาย( )
ข้อมูลที่เกี่ยวกับการพิมพ์ของวารสาร
-ปีพิมพ์ ให้ใส่ตามวิธีการใส่ปีพิมพ์ของหนังสือ
-ปีที่ ฉบับที และเลขหน้า ให้ใส่ตามลำดับ
รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมทรัพยากรนิเทศประเภทต่างๆ
1. หนังสือทั่วไป ผู้แต่ง 1 คน
2. ชื่อนิติบุคคล
3. ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
4. ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์ ปีพิมพ์
5. หนังสือแปล
6. บทความในวารสาร
7. บทความในหนังสือพิมพ์
8. การอ้างอิงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต การอ้างข้อมูล ควรอ้างจากเว็บไซด์ ที่มีข้อมุลนั้นๆโดยตรง
-รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมทรัพยากรประเภทต่างๆ
ทำไมต้องอ้างอิง
-เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานของผู้อื่น
-เพื่อบอกที่มาของข้อมูลที่นำมาใช้
-เพื่อป้องกันการกระทำอันอาจเป็นการโจรกรรมทาวิชาการ
-เพื่อแสดงถึงความน่าเชื่อถือ
-เพื่อแสดงมารยาทในการทำงานทางวิชาการ
การลงรายการบรรณานุกรม
1. ผู้แต่งคนไทย ให้ใส่เฉพาะชื่อและนามสกุลเท่านั้นโดยที่ไม่ต้องใส่คำนำหน้าชื่อ
2. ผู้แต่งต่างชาติ Tyler A. Savator เปลี่ยนเป็น Savator Tyler A.
3. ผู้แต่งที่เป็นนิติบุคคล ให้ใส่ชื่อตามที่นิติบุคคลปรากฏในเอกสาร โดยเริ่มจากหน่วยงานย่อยไปจนถึงหน่วยงานใหญ่
4. ผู้แต่ง2-5 คน ให้ใส่ชื่อผู้แต่งคนที่ 1 คั่นด้วยเครื่องหมาย,จนถึงคนที่3 และคนสุดท้ายให้ใส่เครื่องหมาย And ก็ได้
5. การลงบรรณานุกรม ชื่อเรื่อง
5.1 ชื่อหนังสือ ชื่อบทความ ชื่อวิทยานิพนธ์ หรือชื่อเอกสารที่ไม่ได้ตีพิมพ์ ให้ใส่อเต็มตามที่ปรากฏในเอกสาร
6. กรณีที่มีชื่อเรื่องย่อย ให้ใส่เครื่องหมาย :คั่นระหว่างชื่อเรื่อง
7. การลงบรรณานุกรม การพิมพ์ ครั้งที่พิมพ์ให้ใส่ครั้งที่พิมพ์ตั้งแต่ 2ครั้งขึ้นไป หากมีข้อความระบุการแก้ไข Revised หรือการแก้ไขเพิ่มเติม Enlaegedให้ใส่ไว้ด้วย
8. สถานที่พิมพ์ ให้ใส่ชื่อเมืองหรือชื่อจังหวัด สถานที่พิมพ์ตามที่ปรากฏในหนังสือ กรณีที่ไม่ปรากฏ สถานที่พิมพ์ ให้ใส่( ม.ป.ท.) หรือ(n.p.)
9. สำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์ ให้ใส่ตามที่ปรากฏในหนังสือ
10. ปีพิมพ์ ใหใส่เลขระบุปี พ.ศ. หรือ ค.ศ. ที่พิมพ์หนังสือเล่มเล่มนั้นไว้ในเครื่องหมาย( )
ข้อมูลที่เกี่ยวกับการพิมพ์ของวารสาร
-ปีพิมพ์ ให้ใส่ตามวิธีการใส่ปีพิมพ์ของหนังสือ
-ปีที่ ฉบับที และเลขหน้า ให้ใส่ตามลำดับ
รูปแบบการเขียนบรรณานุกรมทรัพยากรนิเทศประเภทต่างๆ
1. หนังสือทั่วไป ผู้แต่ง 1 คน
2. ชื่อนิติบุคคล
3. ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
4. ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์ สำนักพิมพ์ ปีพิมพ์
5. หนังสือแปล
6. บทความในวารสาร
7. บทความในหนังสือพิมพ์
8. การอ้างอิงข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต การอ้างข้อมูล ควรอ้างจากเว็บไซด์ ที่มีข้อมุลนั้นๆโดยตรง
วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ส่งงานโครงเรื่องโปรเจ๊ก
การประชุม
1. บทนำ
1.1 ความหมายของการประชุม
1.2 วัตถุประสงค์ของการประชุม
1.3 รูปแบบการประชุม
1.3.1 การประชุมแบบเป็นพิธีการ
1.3.2 การประชุมแบบเป็นกันเอง
1.4 ระเบียบวาระการประชุม
1.4.1 ความหมาย
1.4.2 วิธีการจัดทำ
1.4.3 ลักษณะของหัวข้อประชุม
1.5 การเตรียมการประชุม
1.5.1 การแต่งตั้งคณะทำงาน
1.5.2 การติดต่อและการจัดเตรียมสถานที่
1.5.3 วิธีการจัดห้องประชุม
1.5.4 การติดต่อวิทยากร
1.5.5 การติดต่อเชิญประธานในพิธีเปิด-ปิด
1.5.6 หน้าที่ของเลขานุการก่อนการประชุม
1.5.7 การเตรียมเอกสารก่อนการประชุม
2. การดำเนินการประชุม
2.1 การประชุมซักซ้อมความเข้าใจ
2.2 การตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่ เครื่องมือและอุปกรณ์
2.3 การต้อนรับประธานในพิธี/วิทยากร
2.4 หน้าที่ของเลขานุการขณะประชุม
2.5 การจัดบริการระหว่างประชุม
2.6 การประเมินผล
2.6.1 การประเมินผลทั่วไป
2.6.2 การประเมินผลลัพธ์
2.7 พิธีปิดการประชุม
2.8 มารยาทในการประชุมของผู้ร่วมประชุม
3. สรุป
วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Lecture 02/02/54
การพิมพ์เนื้อหาโปรเจ็ก
-ใช้กระดาษ A4 สีขาวในการพิมพ์
-ตั้งค่าหน้ากระดาษขอบบนและขอบซ้ายเท่ากับ 1.5นิ้ว (3.81 ซม.)
-ขอบล่างและขอบขวาเท่ากับ 1 นิ้ว (2.54 ซม.)
-ใช้ฟอนต์ Angsana new ขนาด 18 ในส่วนของเนื้อหา
-ใช้ฟอนต์ Angsana new ขนาด 18 ในส่วนของหัวข้อรายงานที่เป็นบรรทัดแรก กึ่งกลางหน้ากระดาษ
-ใช้ตัวอักษรหนาเฉพาะส่วนที่เป็นหัวข้อเท่านั้น
-กรณีต้องการขึ้นบรรทัดใหม่เนื่องจากเนื้อหามีความยาว ให้เริ่มพิมพ์ชิดขอบซ้าย
-จัดรูปแบบในเนื้อหาโดยรวมให้ชิดขอบซ้ายและขอบขวา
-เนื้อหารายงานมีศัพท์ภาษาอังกฤษ ให้พิจารณาว่าคำนั้นมีการแปลและใช้ภาษาไทยแล้วหรือไม่ ถ้ามีให้ใช้ภาษาไทยแล้ววงเล็บภาษาอังกฤษกำกับ ในครั้งแรก (ครั้งต่อไปไม่ต้องใส่วงเล็บอีก) แต่ถ้าเป็นศัพท์เฉพาะที่ไม่มีในภาษาไทยให้ใช้ภาษาอังกฤษ
-คำใดที่ใช้และรู้จักกันดีในภาษไทยแล้ว ไม่จำเป็นต้องวงเล็บภาษาอังกฤษกำกับ
-ระวังการใช้เครื่องหมายอัญประกาศ (“ ”) เนื่องจากเครื่องหมายดังกล่าวจะใช้ในการคัดลอกข้อความ ซึ่งต้องมีการอ้างอิงแทรกในเนื้อหาด้วย
-กรณีพิมพ์ต้องขึ้นบรรทัดใหม่เนื่องจากเนื้อหามีความยาว ให้เริ่มพิมพ์ชิดขอบซ้าย
-จัดรูปแบบเนื้อหาโดยรวมให้ชิดขอบซ้ายและขวา
วันพุธที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2554
Lecture
การวางโครงเรื่อง
- เป็นการกำหนดขอบเขตเนื้อหาของรายงานสรุปและจัดทำรายงานขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการเขียนรายงานโครงเรื่องจะประกอบด้วย ประเด็นหรือเรื่องที่จะปรากฏในรายงานทั้งเรื่องหลัก เรื่องรองและเรื่องย่อ
- รูปแบบการจัดทำอาจอยู่ในรุปหัวข้อ ซึ่งใช้ตัวเลขหรือตัวอักษรนำหน้าเรื่องหลัก เรื่องรอง และเรื่องย่อย ซึ่งจะช่วยให้เห็นถึงขอบเขตของเนื้อหาทั้งหมดในรายงานตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างสะดวก รวดเร็ว นอกจากรูปแบบหัวข้อแล้วยังอาจจัดทำในรูปแผนที่ความคิด(Mind map)ได้อีกด้วย
Google Docs หมายถึง ที่เก็บเอกสาร
- เป็นการกำหนดขอบเขตเนื้อหาของรายงานสรุปและจัดทำรายงานขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการเขียนรายงานโครงเรื่องจะประกอบด้วย ประเด็นหรือเรื่องที่จะปรากฏในรายงานทั้งเรื่องหลัก เรื่องรองและเรื่องย่อ
- รูปแบบการจัดทำอาจอยู่ในรุปหัวข้อ ซึ่งใช้ตัวเลขหรือตัวอักษรนำหน้าเรื่องหลัก เรื่องรอง และเรื่องย่อย ซึ่งจะช่วยให้เห็นถึงขอบเขตของเนื้อหาทั้งหมดในรายงานตั้งแต่ต้นจนจบได้อย่างสะดวก รวดเร็ว นอกจากรูปแบบหัวข้อแล้วยังอาจจัดทำในรูปแผนที่ความคิด(Mind map)ได้อีกด้วย
Google Docs หมายถึง ที่เก็บเอกสาร
วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554
Lecture
File แฟ้มข้อมูล
Database ฐานข้อมูล
Reference ฐานข้อมูลอ้างอิง
Full Text ข้อความหรือบทความเต็ม
Abstract เรื่องย่อหรือ บทคัดย่อ
Lexis ข้อมูลด้านกฏหมายคำพิพากษา
Nexis ข้อมูลทางธุรกิจ
proquest เป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับงานวิจัย
IEEE (ไอทริปเปิ้ลอี) เป็นข้อมูลด้านเครื่องกล คอมพิวเตอร์
Che ฐานข้อมูลอีบุ๊ค
Springerlink ฐานข้อมูลหนังสือ
Netlibery ข้อมูลที่ครอบคลุมทุกสาขา
Portal ฐานข้อมูลด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
Database ฐานข้อมูล
Reference ฐานข้อมูลอ้างอิง
Full Text ข้อความหรือบทความเต็ม
Abstract เรื่องย่อหรือ บทคัดย่อ
Lexis ข้อมูลด้านกฏหมายคำพิพากษา
Nexis ข้อมูลทางธุรกิจ
proquest เป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับงานวิจัย
IEEE (ไอทริปเปิ้ลอี) เป็นข้อมูลด้านเครื่องกล คอมพิวเตอร์
Che ฐานข้อมูลอีบุ๊ค
Springerlink ฐานข้อมูลหนังสือ
Netlibery ข้อมูลที่ครอบคลุมทุกสาขา
Portal ฐานข้อมูลด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)